เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก (Myoma uteri) เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในมดลูก (Adenomyosis) ไม่ผ่าตัดได้ไหมคะ ??? 

เรียบเรียงโดยหมอรัตน์ 

 พญ. รัตน์นภัส ตั้งมะโนมานะ 

แพทย์สูติ-นรีเวช เฉพาะทางด้านมะเร็งนรีเวช

โดยใช้เครื่อง HIFU (High Intensity Focused Ultrasound Ablation System) ก็เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ที่ตอนนี้นำมาใช้ทั้งเนื้องอกธรรมดาและเนื้อร้ายที่เรียกว่า มะเร็งบางชนิดได้ค่ะ ในบทความนี้หมอขอกล่าวถึงเฉพาะการรักษา “เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก (Myoma uteri) และ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในมดลูก (Adenomyosis)” ค่ะ 

HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ในที่นี้ขอกล่าวเฉพาะการรักษาเนื้องอกมดลูก ซึ่งHIFU เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาเนื้องอกในร่างกายโดย “ไม่ต้องผ่าตัด” มีลักษณะการทำงาน คือ ใช้คลื่นเสียงไม่มีรังสี ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง สามารถทดแทนการผ่าตัดโดยไม่ต้องเจ็บตัว เป็นการใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวน์ ส่งผ่านจากภายนอกร่างกาย ไปยังบริเวณอวัยวะภายใน คือ ถ้าสามารถใช้เครื่องอัลตร้าซาวน์กับอวัยวะส่วนใดได้ เครื่อง HIFU ก็จะสามารถใช้กับอวัยวะส่วนนั้นได้เช่นกัน ซึ่งพลังงานความร้อนของเครื่อง HIFU จะไปเผาเนื้องอกในจุดที่ต้องการ โดยไม่กระทบกับอวัยวะส่วนอื่นๆ

โดย HIFU เปรียบเสมือนการเอาแว่นขยายที่เป็นเลนส์นูนมาส่องดวงอาทิตย์ยกให้สูงเหนือกระดาษ ซึ่งจะเกิดความร้อนเฉพาะจุดรวมแสง และทำให้กระดาษเกิดการเผาไหม้ รวมความร้อนเข้าไปเผาเนื้องอกซึ่งอยู่ภายในช่องท้องได้อย่างตรงจุดด้วยอุณหภูมิ 65-80 องศาเซสเซียส เรียกว่าเป็นอุปกรณ์ที่ส่งสัญญาณคลื่นเสียง 

โดยตัวเครื่องจะเป็นอุปกรณ์ในการส่งสัญญาณคลื่นเสียง และคลื่นเสียงที่ส่งนี้จะเป็นลักษณะลำคลื่นเข้าไปรวมในจุดโฟกัสเดียวกัน และทำให้ตัวเนื้องอกเกิดความร้อน และเผาไหม้ เหี่ยว และฝ่อไป หลักการนี้เรียกว่า Thermal necrosis หรือ Coagulative necrosis  จะทำให้โปรตีนในเซลล์ถูกทำลาย ทำให้เนื้องอกไม่สามารถเติบโตได้ และค่อยๆ สลายไป โดยระยะเวลาขึ้นอยู่กับขนาดเนื้องอกของคนไข้

“การเผาเนื้องอก 1 จุดจะใช้พื้นที่ประมาณ 3×3×5 มม.ใช้เวลา 0.5-1 วินาทีต่อการยิงความร้อน 1 ครั้ง โดยเครื่องจะยิงความร้อนไปเรื่อยๆจนเท่าขนาดของเนื้องอกทั้งก้อน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบๆหรืออวัยวะข้างเคียง คือการใช้อุณหภูมิที่สูงกว่าในร่างกายไปทำให้เซลล์ตาย ส่วนเซลล์ที่ตายแล้ว ก็จะถูกกำจัดไปโดยระบบปกติของร่างกาย”

นอกจากรักษาเนื้องอกแล้ว รักษามะเร็งได้ด้วยนะ เหมาะสำหรับใช้รักษามะเร็ง หรือเนื้องอกในบริเวณที่ยากลำบากในการผ่าตัด เช่น มะเร็งที่อยู่ติดกับเส้นเลือดที่เลี้ยงอวัยวะสำคัญ เช่น อวัยวะภายในช่องท้อง อาทิ ตับ ตับอ่อน ก้อน เนื้องอกที่อยู่ในช่องท้อง เช่น ก้อนเนื้องอกที่เกิดจากต่อมน้ำเหลือง ก้อนเนื้องอกที่มดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และก้อนเนื้องอกอื่นๆ ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา

ดังนั้น HIFU จังถูกนำมาใช้ในการรักษา  “เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก (Myoma uteri) และเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในมดลูก (Adenomyosis)” ในคนที่ยังต้องการมีบุตร หรือไม่อยากตัดมดลูกค่ะ 

ข้อดี: ของการรักษาเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก ด้วยเครื่อง HIFU

  • ภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด ไม่มีแผลผ่าตัด เจ็บตัวน้อย เวลาทำอาจจะมีอาการปวดเหมือนปวดประจำเดือน มีอาการปวดร้าวไปตามเส้นประสาท และไปทางก้นหรือหลังได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะสามารถทนต่ออาการปวดได้ค่ะ 
  • รักษาตรงจุด ไม่กระทบต่ออวัยวะข้างเคียง 
  • ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับไปทำงานต่อได้เลยภายใน 3-7 วัน  
  • ระยะยาวสามารถตั้งครรภ์ได้ ไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่น 
  • หากต้องการมีบุตร สามารถมีบุตรได้เลยภายใน 3 เดือน (แล้วแต่บุคคล) ซึ่งสั้นกว่าการรักษาแบบผ่าตัดซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานเป็น 6 เดือนถึง 1 ปีเลยค่ะ

ข้อเสีย: ไม่ได้ชิ้นเนื้องอกมดลูก ดังนั้นจึงต้องมีการรประเมินแยกภาวะมะเร็งออกโดยเครื่องมือทางรังสีที่เรียกว่า “เอ็มอาไอ” เพื่อแยกภาวะมะเร็งที่ควรได้ผลชิ้นเนื้อออกไปค่ะ ดังนั้น การรักษา HIFU จึงยังเป็นการรักษา “ทางเลือก” สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดค่ะ ถ้าเนื้องอกขนาดใหญ่หรือมีหลายก้อน อาจจะต้องได้รับการทำ HIFU อีกครั้งค่ะ 

  • ทาเจลเย็นในบริเวณที่จะทำการรักษาเนื้องอกแล้วให้นอนคว่ำบนเครื่องอัลตราซาวด์
  • ปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์เข้าไปทำให้เซลล์เนื้องอกตาย ใช้เวลารักษาประมาณ 1-3 ชม. ขึ้นกับขนาดของเนื้องอก
  • ในระหว่างทำการรักษา คนไข้จะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา หากมีอาการแสบร้อนบริเวณท้องน้อย เจ็บก้นกบ หรือเจ็บเส้นประสาทที่ขา สามารถแจ้งได้ทันที
  • หลังการรักษา พักฟื้นที่โรงพยาบาล 1-3 วัน หรือจนกว่าแพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้
  • 7 วันแรกหลังทำอาจมีอาการปวดท้องน้อย เลือดออกทางช่องคลอดได้บ้าง 
  • ทายาบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อลดอาการแสบร้อนของผิวหนัง
  • กินยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบตามที่แพทย์สั่ง
  • 1 สัปดาห์แรก ควรกินอาหารอ่อน และงดออกกำลังกายที่ต้องมีการเกร็งหน้าท้อง
  • แสบร้อนบริเวณผิวที่ทำการรักษา
  • ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย
  • เจ็บที่บริเวณก้นกบ
  • มีภาวะปัสสาวะไม่ออกชั่วคราว

ที่มา: ศูนย์มะเร็งตรงเป้า/Targeted Therapy Cancer Center

Scroll to Top