ตรวจสอบความถูกต้องโดย
แพทย์พญิง รัตน์นภัส ตั้งมะโนมานะ
(หมอรัตน์)

สรุป
- อาการครรภ์เป็นพิษเริ่มแรก คือ ความดันโลหิตสูง มีอาการบวมที่ขา-เท้าและมือ
- ภาวะครรภ์เป็นพิษมักเริ่มหลังจากตั้งครรภ์ได้ 20 สัปดาห์ หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ทั้งแม่และลูก
- คำแนะนำการป้องกันครรภ์เป็นพิษ กรณีมีความเสี่ยงการตั้งครรภ์
- รับประทานยาแคลเซียมที่แพทย์จัดให้
- ควบคุมอาหารไม่ให้น้ำหนักขึ้นมากจนเกินไป
- รับประทานยาละลายลิ่มเลือดให้ตรงเวลาทุกวัน ช่วย รีเช็ค ยาทุกครั้ง
- หากต้องทำฟัน ควรหยุดยา ก่อน 7 วัน
- หากมีอาการปวดหัว ตามัว จุกแน่นลิ้นปี่ ขาบวมมากให้มาตรวจกับแพทย์ก่อนนัดทุกครั้ง
- วัดความดันโลหิตเองที่บ้าน หากมีค่าความดันสูง ตัวบนมากกว่า 140 มม ปรอท และ ตัวล่าง มากกว่า 90 มม ปรอท ให้มาพบแพทย์ก่อนนัด
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- รู้จักอาการครรภ์เป็นพิษ คืออะไร?
- อาการครรภ์เป็นพิษของคุณแม่
- คุณแม่จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังเสี่ยง ‘ครรภ์เป็นพิษ’
- สาเหตุของครรภ์เป็นพิษ
- สัญญาณเตือนของครรภ์เป็นพิษในคนท้อง
- ภาวะแทรกซ้อนจากครรภ์เป็นพิษ
- ครรภ์เป็นพิษ อาจทำให้ต้องยุติการตั้งครรภ์
- วิธีการป้องกันและดูแล คุณแม่ครรภ์เป็นพิษ
รู้จักอาการครรภ์เป็นพิษ คืออะไร?
อาการครรภ์เป็นพิษ (เดิมเรียกว่า ภาวะเป็นพิษในเลือด) เกิดขึ้นเมื่อมีความดันโลหิตสูงขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์ โดยพบว่ามีปริมาณโปรตีนมากเกินไปในปัสสาวะ และมีอาการบวมที่ขา เท้า และมือร่วมด้วย อาจจะมีอาการตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงเลย อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งก่อนคลอดและหลังคลอด ในช่วงก่อนคลอดสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงแรกของอายุครรภ์ที่ 20 สัปดาห์ และโดยทั่วไปพบในอายุครรภ์ 34 สัปดาห์เป็นต้นไป
อาการครรภ์เป็นพิษของคุณแม่
นอกเหนือจากอาการบวม (บวมน้ำ) ปริมาณโปรตีนส่วนเกินในปัสสาวะ และความดันโลหิตที่วัดได้มากกว่า 140/90 อาการครรภ์เป็นพิษยังปรากฏว่ามีอาการอื่น ๆ ต่อไปนี้ด้วย
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันในช่วง 1-2 วัน สืบเนื่องมาจากมีของเหลวในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างมาก
- ปวดไหล่
- ปวดท้องโดยเฉพาะบริเวณด้านขวาบน
- ปวดหัวอย่างรุนแรง
- มีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปในด้านการตอบสนอง หรือการปรับเปลี่ยนทางสภาพจิตใจ
- ปัสสาวะน้อยลงหรือไม่มีเลย
- วิงเวียนศีรษะ
- หายใจติดขัด หายใจลำบาก
- อาเจียนและคลื่นไส้อย่างรุนแรง
- การมองเห็นผิดแปลกไป เช่น เห็นแสงไฟกะพริบ ภาพลอย ๆ หรือภาพไม่ชัด
ในคุณแม่หลายท่านเป็นไปได้ว่าจะไม่มีอาการดังที่กล่าวไปแล้วแต่ว่าป่วยอยู่ เพื่อความปลอดภัยควรไปพบคุณหมอเพื่อตรวจความดันโลหิตและปัสสาวะเป็นประจำ
คุณแม่จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังเสี่ยง ‘ครรภ์เป็นพิษ’
อาการครรภ์เป็นพิษเริ่มแรก คือ ความดันโลหิตสูง และอาการอื่น ๆ ที่อาจเป็นสัญญาณซึ่งจะได้รับทราบจากคุณหมอหลังเข้ารับการตรวจ คือ
- มีโปรตีนมากเกินไปในปัสสาวะของคุณแม่
- เกล็ดเลือดในเลือดไม่พอที่ร่างกายจะทำงานได้เป็นปกติ
- สารเคมีที่เกี่ยวข้องกับไตในเลือดอยู่ในระดับสูง
- สารเคมีที่เกี่ยวข้องกับตับในเลือดอยู่ในระดับสูง
- มีของเหลวในปอด
- อาการปวดหัวไม่ยอมหายไปเมื่อรับประทานยา
เพื่อยืนยันการวินิจฉัยหลังแจ้งให้คุณแม่รับทราบว่ากำลังเสี่ยงกับครรภ์เป็นพิษ คุณหมอจะทำการทดสอบให้กับคุณแม่ ดังนี้
- ตรวจเลือดเพื่อหาสารเคมีในไตหรือตับ
- ทดสอบปัสสาวะเพื่อวัดระดับโปรตีน
- อัลตราซาวด์ เพื่อจะดูว่าลูกน้อยของคุณแม่เติบโตดีอยู่หรือไม่
สาเหตุของครรภ์เป็นพิษ
สาเหตุทางกายภาพมีผลให้ป่วยด้วยอาการครรภ์เป็นพิษ คุณแม่ลองพิจารณาถึงปัจจัยความเสี่ยงเพื่อให้เกิดความระมัดระวังดูแลสุขภาพ
1. ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงขั้นสูง
- มีประวัติการป่วยด้วยภาวะครรภ์เป็นพิษมาก่อน
- อุ้มท้องเตรียมคลอดลูกน้อยมากกว่าหนึ่งคน (กำลังมีลูกแฝด)
- อาการความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
- โรคไต
- โรคเบาหวาน
- ภาวะภูมิต้านตนเอง เช่น โรคลูปัส
2. มีปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงระดับปานกลางอยู่หลายรายการ
- ตั้งครรภ์เป็นครั้งแรก
- ระยะที่เริ่มตั้งครรภ์ปัจจุบันห่างจากการตั้งครรภ์ครั้งสุดท้ายมากกว่า 10 ปี
- ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30
- มีประวัติสมาชิกในครอบครัวมีอาการครรภ์เป็นพิษ (แม่หรือพี่น้องผู้หญิงมีอาการนี้มาก่อน)
- อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป
- มีภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ที่ผ่านมา (เช่น มีลูกที่มีน้ำหนักแรกเกิดน้อย)
- มีภาวะปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF)
- เป็นคนชายขอบ (เพราะความไม่เท่าเทียมกันในสังคมจะเพิ่มความเสี่ยงให้เจ็บป่วย)
- กลุ่มผู้มีรายได้น้อย (เพิ่มความเสี่ยงที่พบกับความไม่เท่าเทียมกันในสังคม และทำให้เสี่ยงที่จะเจ็บป่วยได้มากกว่า)
สัญญาณเตือนของครรภ์เป็นพิษในคนท้อง
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น บางราย 1 สัปดาห์ น้ำหนักขึ้น 4 กิโลกรัม
- บวม โดยมีลักษณะ บวมน้ำ ขาบวม
- ปวดศีรษะ
- ความดันโลหิตสูง ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น มากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท หากสูงมากกว่า 160/110 มิลลิเมตรปรอท ถือว่ามีความรุนแรงมาก
- จุกแน่นใต้ชายโครง
- ลูกตัวเล็ก โตช้า ดิ้นน้อยลง ท้องไม่โตตามอายุครรภ์
ภาวะแทรกซ้อนจากครรภ์เป็นพิษ
- เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด เพราะความเสี่ยงทั้งต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อย ทำให้คุณหมอตัดสินใจให้คุณแม่ทำคลอดก่อนกำหนดเพื่อความปลอดภัย การคลอดก่อนกำหนดอาจมีผลให้สุขภาพของลูกน้อยไม่ดี
- รกลอกก่อนกำหนด จะทำให้เกิดเลือดออกจนมีผลร้ายถึงขั้นเสียชีวิต
- ทารกไม่เติบโตตามมาตรฐาน มีน้ำหนักน้อย เพราะได้รับสารอาหารจำเป็นน้อยลง
- คุณแม่ชัก หากรับการรักษาแล้วไม่ดีขึ้น คุณหมออาจสั่งให้ยุติการตั้งครรภ์
- อวัยวะต่าง ๆ เกิดความเสียหาย มีผลให้เสียชีวิต และสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีสัญญาณเตือนก่อนล่วงหน้า
ครรภ์เป็นพิษ อาจทำให้ต้องยุติการตั้งครรภ์
ยุติการตั้งครรภ์ คำพูดที่ฟังแล้วน่ากลัว แต่ที่จริงแล้วไม่ได้น่ากลัวเสมอไป เพราะยังหมายถึงการทำคลอด การให้คลอดทางช่องคลอดจะเป็นวิธีการที่ปลอดภัยในการรักษาอาการครรภ์เป็นพิษ การผ่าตัดคลอดหน้าท้องจะพิจารณาเป็นกรณีไป โดยมักจะเกิดขึ้นกรณีที่อาการครรภ์เป็นพิษรุนแรงมาก การทำคลอดทางช่องคลอด มีการนำคีมช่วยคลอดมาใช้ เพื่อไม่ให้คุณแม่ตั้งท้องเจ็บครรภ์มากหรือต้องออกแรงเบ่งมากเกินไป ซึ่งจะเป็นผลเสียทำให้ความดันเลือดสูงขึ้นอีกได้
วิธีการป้องกันและดูแล คุณแม่ครรภ์เป็นพิษ
การป้องกัน คือการทำให้ความเสี่ยงลดต่ำลง ไม่มีวิธีการป้องกันที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์
- ดื่มน้ำวันละ 6 แก้ว หรือมากกว่า
- ทานยาละลายลิ่มเลือด เพื่อป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษ หากต้องทำฟัน ควรหยุดยา ก่อน 7 วัน
- นอนหลับให้เต็มอิ่ม เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
- ออกกำลังกายตามคำแนะนำของคุณหมอ
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด และไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ฝากครรภ์และพบคุณหมอเพื่อตรวจสุขภาพตามกำหนดการดูแล
- วัดความดันโลหิตเองที่บ้าน หากมีค่าความดันสูง ตัวบนมากกว่า 140 มม ปรอท และ ตัวล่าง มากกว่า 90 มม ปรอท ให้มาพบแพทย์ก่อนนัด
- หากมีอาการปวดหัว ตามัว จุกแน่นลิ้นปี่ ขาบวมมากให้มาตรวจกับแพทย์ก่อนนัดทุกครั้ง
- การดูแลเกิดขึ้นหลังการรักษาด้วยการผ่าคลอด
- ภายใน 24 ชั่วโมง ทีมของคุณหมอต้องเฝ้าระวังกัน เพราะมีโอกาสที่จะกลับมาความดันสูงและชักได้
- ภายใน 2 สัปดาห์ ร่างกายคุณแม่ที่ได้รับการพักฟื้นจะกลับมาเป็นปกติ
การพบคุณหมอตามนัด เข้ารับการตรวจสุขภาพ และการเฝ้าระวังสุขภาพตั้งแต่ระยะต้นของการตั้งครรภ์ เป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงของอาการครรภ์เป็นพิษได้ นอกจากนี้ยังเป็นการมอบโอกาสดี ๆ แสดงความรักให้กับทั้งตัวคุณแม่เองและลูกน้อยในครรภ์ด้วย เพราะความรักยกกำลังสองนี้จะช่วยให้ลูกน้อยได้เติบโตและมีพัฒนาการอย่างปลอดภัยภายใต้การดูแลของคุณแม่ที่แข็งแรงดีและมีความสุขไปด้วยกัน
อ้างอิง:
- Preeclampsia, WebMD
- รู้ทัน.. ครรภ์เป็นพิษ แม่ท้องต้องระวัง, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- อาการครรภ์เป็นพิษ มีสาเหตุจากอะไร ภาวะอันตรายที่คุณแม่ควรระวัง (s-momclub.com)
อ้างอิง ณ วันที่ 26 มกราคม 2567